วันพฤหัสบดีที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2553

SUM(number1,number2, ...)

     number1, number2 ..    เป็นจำนวน 1 ถึง 30 จำนวนที่จะถูกบวกเข้าด้วยกัน
หมายเหตุ
·       จำนวน ค่าตรรกะ และข้อความที่ใช้แทนจำนวนที่คุณพิมพ์โดยตรงเข้าไปยังรายการของอาร์กิวเมนต์ที่มีการนับ ให้ดูตัวอย่างแรกและตัวอย่างสองด้านล่างถ้าอาร์กิวเมนต์เป็นอาร์เรย์หรือการอ้างอิง มีเฉพาะจำนวนในอาร์เรย์หรือการอ้างอิงนั้นที่มีการนับ เซลล์ว่าง ค่าตรรกะ ข้อความ หรือค่าผิดที่อยู่ในอาร์เรย์หรือการอ้างอิงจะถูกละเลย ให้ดูตัวอย่างที่สามด้านล่างอาร์กิวเมนต์ที่มีค่าความผิดพลาดหรือข้อความที่ไม่สามารถแปลเป็นจำนวนได้เป็นสาเหตุของข้อผิดพลาด
ตัวอย่าง
หากคัดลอกตัวอย่างไปใส่ไว้ในกระดาษคำนวณว่างเปล่าจะทำให้อ่านตัวอย่างได้เข้าใจยิ่งขึ้น


1
2
3
4
5
6
A
ข้อมูล
-5
15
30
'5
จริง
สูตร
คำอธิบาย (ผลลัพธ์)
=SUM(3, 2)
บวก 3 กับ 2 (5)
=SUM("5", 15, TRUE)
บวก 5, 15 และ 1 เนื่องจากค่าของข้อความถูกแปลให้เป็นตัวเลข และค่าตรรกะก็ถูกแปลให้เป็นตัวเลข 1 (21)
=SUM(A2:A4)
บวกตัวเลข 3 จำนวนแรกในคอลัมน์ข้างบน (40)
=SUM(A2:A4, 15)
บวกตัวเลข 3 จำนวนแรกในคอลัมน์ข้างบนและ 15 (55)
=SUM(A5,A6, 2)
บวกค่าต่างๆ ใน 2 แถวสุดท้ายข้างบน และ 2 เนื่องจากค่าที่ไม่ใช่ตัวเลขในการอ้างอิงจะไม่ถูกแปล ค่าต่างๆ ในคอลัมน์ข้างบนจึงถูกละเลยไป (2)




AVERAGE(number1,number2,...)

number1, number2, ...     คืออาร์กิวเมนต์ 1 ถึง 30 อาร์กิวเมนต์ที่เป็นตัวเลขซึ่งคุณต้องการหาค่าเฉลี่ย
ข้อสังเกต
·       อาร์กิวเมนต์ต้องเป็นตัวเลขหรือชื่อ อาร์เรย์ หรือการอ้างอิงที่มีตัวเลขอยู่ถ้าอาร์กิวเมนต์อาร์เรย์หรือการอ้างอิงประกอบด้วยข้อความ ค่าตรรกะ หรือเซลล์ว่างเปล่า ค่าเหล่านั้นจะถูกละเว้น แต่เซลล์ที่มีค่าศูนย์จะถูกรวมไว้
ตัวอย่าง
หากคัดลอกตัวอย่างไปใส่ไว้ในแผ่นงานว่างเปล่าจะทำให้อ่านตัวอย่างได้เข้าใจยิ่งขึ้น

1
2
3
4
5
6
A
ข้อมูล
10
7
9
27
2

สูตร
คำอธิบาย (ผลลัพธ์)
=AVERAGE(A2:A6)
ค่าเฉลี่ยของจำนวนต่างๆ ข้างบน (11)
=AVERAGE(A2:A6, 5)
ค่าเฉลี่ยของจำนวนต่างๆ ข้างบน และ 5 (10)





COUNT(value1,value2,...)

value1, value2, ...    คือ อาร์กิวเมนต์ 1 ถึง 30 อาร์กิวเมนต์ที่สามารถมีหรืออ้างถึงชนิดหลายชนิดที่แตกต่างกันของข้อมูล อย่างไรก็ตาม เพียงตัวเลขเท่านั้นที่ถูกนับ
ข้อสังเกต
·       อาร์กิวเมนต์ที่เป็นตัวเลข วันที่ หรือการแสดงตัวเลขในรูปแบบข้อความจะถูกนับ ส่วนอาร์กิวเมนต์ที่เป็นค่าข้อผิดพลาดหรือเป็นข้อความ ซึ่งไม่สามารถแปลเป็นตัวเลขได้จะถูกละเว้นไปถ้าอาร์กิวเมนต์ เป็นอาร์เรย์ หรือการอ้างอิง จะนับเฉพาะตัวเลขในอาร์เรย์ หรือการอ้างอิงนั้นเท่านั้น และจะละเว้นเซลล์ว่าง ค่าตรรกศาสตร์ ข้อความ หรือค่าข้อผิดพลาด ถ้าคุณจำเป็นต้องนับค่าตรรกศาสตร์ ข้อความ หรือค่าข้อผิดพลาด ให้ใช้ฟังก์ชัน COUNTA
ตัวอย่าง
หากคัดลอกตัวอย่างไปใส่ไว้ในแผ่นงานว่างเปล่าจะทำให้อ่านตัวอย่างได้เข้าใจยิ่งขึ้น


1
2
3
4
5
6
7
8
A
ข้อมูล
ยอดขาย
12/8/2008

19
22.24
TRUE
#DIV/0!
สูตร
คำอธิบาย (ผลลัพธ์)
=COUNT(A2:A8)
นับจำนวนเซลล์ที่มีตัวเลขจากในรายการข้างบน (3)
=COUNT(A5:A8)
นับจำนวนเซลล์ที่มีตัวเลขจากแถว 4 แถวสุดท้ายในรายการ (2)
=COUNT(A2:A8,2)
นับจำนวนเซลล์ที่มีตัวเลขจากในรายการ และนับค่า 2 (4)



COUNTA(ฐานข้อมูล,เขตข้อมูล,เงื่อนไข)

ฐานข้อมูล     คือช่วงของเซลล์ที่ประกอบเป็นรายการหรือฐานข้อมูล ฐานข้อมูลเป็นรายการข้อมูลที่สัมพันธ์กัน โดยที่แถวของข้อมูลจะเป็นระเบียน และคอลัมน์จะเป็นเขตข้อมูล แถวแรกของรายการจะประกอบด้วยป้ายข้อความของแต่ละคอลัมน์
เขตข้อมูล     ระบุว่ามีการใช้คอลัมน์ใดในฟังก์ชัน ระบุป้ายกำกับคอลัมน์โดยอยู่ในเครื่องหมายอัญประกาศแบบคู่ เช่น "อายุ" หรือ "ผลผลิต" หรือตัวเลข (โดยไม่ต้องมีเครื่องหมายอัญประกาศ) ซึ่งแสดงตำแหน่งของคอลัมน์ภายในรายการ: 1 สำหรับคอลัมน์แรก 2 สำหรับคอลัมน์ที่สอง เป็นต้น
เงื่อนไข     เป็นช่วงของเซลล์ข้อมูลที่มีเงื่อนไขที่คุณระบุ คุณสามารถใช้ช่วงสำหรับอาร์กิวเมนต์ของเงื่อนไขใดก็ได้ ตราบเท่าที่มีป้ายข้อความของคอลัมน์อย่างน้อยหนึ่งรายการ และข้อมูลอย่างน้อยหนึ่งเซลล์ที่ด้านล่างของป้ายข้อความนั้น ซึ่งคุณได้ระบุเงื่อนไขสำหรับคอลัมน์
หมายเหตุ
·        คุณสามารถใช้ช่วงสำหรับอาร์กิวเมนต์ของเงื่อนไขใดก็ได้ ตราบเท่าที่มีป้ายข้อความของคอลัมน์อย่างน้อยหนึ่งรายการ และข้อมูลอย่างน้อยหนึ่งเซลล์ที่ด้านล่างของป้ายข้อความนั้นสำหรับระบุเงื่อนไขตัวอย่างเช่น หากช่วง G1:G2 มีป้ายข้อความคอลัมน์ "รายได้" ใน G1 และจำนวนเงิน $10,000 ใน G2 คุณสามารถกำหนดช่วงเป็น MatchIncome และใช้ชื่อนั้นเป็นอาร์กิวเมนต์ของเงื่อนไขในฟังก์ชันของฐานข้อมูลแม้ว่าช่วงของเงื่อนไขจะอยู่ในตำแหน่งใดก็ได้ของแผ่นงาน โปรดอย่าวางช่วงของเงื่อนไขที่ด้านล่างรายการ ถ้าคุณเพิ่มข้อมูลในรายการโดยใช้คำสั่ง ฟอร์ม ที่เมนู ข้อมูลระบบจะเพิ่มข้อมูลใหม่ในแถวแรกซึ่งอยู่ใต้รายการ หากแถวที่อยู่ใต้รายการนั้นมีข้อมูลอยู่ Microsoft Excel จะเพิ่มข้อมูลใหม่ไม่ได้โปรดตรวจสอบว่าช่วงของเงื่อนไขนั้นไม่ซ้อนทับกับรายการในการดำเนินการกับคอลัมน์ทั้งหมดในฐานข้อมูล ให้ใส่บรรทัดว่างเปล่าที่ด้านล่างของป้ายข้อความคอลัมน์ในช่วงของเกณฑ์
ตัวอย่าง
      คุณจะเข้าใจตัวอย่างได้ง่ายขึ้น หากคุณทำการคัดลอกไปไว้ในแผ่นงานเปล่า


1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
A
B
C
D
3
F
ต้นไม้
ความสูง
อายุ
ผลผลิต
ผลกำไร
ความสูง
="=Apple"
>10



<16
="=Pear"





ต้นไม้
ความสูง
อายุ
ผลผลิต
ผลกำไร

แอปเปิ้ล
18
20
14
105.00

ลูกแพร์
12
12
10
96.00

เชอรี่
13
14
9
105.00

แอปเปิ้ล
14
15
10
75.00

ลูกแพร์
9
8
8
76.80

แอปเปิ้ล
8
9
6
45.00

สูตร
รายละเอียด(ผลลัพธ์)




=DCOUNT(A4:E10,"Age",A1:F2)
ฟังก์ชันนี้จะค้นหาระเบียนต้นแอปเปิ้ลที่มีความสูงระหว่าง 10 ถึง 16 ฟุตและนับจำนวนเขตข้อมูล "อายุ" ในระเบียนเหล่านี้ที่มีตัวเลขอยู่ (1)




=DCOUNTA(A4:E10,"Profit",A1:F2)
ฟังก์ชันนี้จะค้นหาระเบียนต้นแอปเปิ้ลที่มีความสูงระหว่าง 10 ถึง 16 ฟุตและนับจำนวนเขตข้อมูล "ผลผลิต" ในระเบียนเหล่านี้ที่มีข้อมูลอยู่ (1)




=DMAX(A4:E10,"Profit",A1:A3)
กำไรสูงสุดของต้นแอปเปิ้ลและต้นแพร์ (105)




=DMIN(A4:E10,"Profit",A1:B2)
กำไรต่ำสุดของต้นแอปเปิ้ลที่มีความสูงเกิน 10 ฟุต (75)




=DSUM(A4:E10,"Profit",A1:A2)
ผลรวมกำไรจากต้นแอปเปิ้ล (225)




=DSUM(A4:E10,"Profit",A1:F2)
ผลรวมกำไรจากต้นแอปเปิ้ลที่มีความสูงระหว่าง 10 ถึง 16 ฟุต (75)




=DPRODUCT(A4:E10,"Yield",A1:B2)
ผลผลิตจากต้นแอปเปิ้ลที่มีความสูงเกินกว่า 10 ฟุต (140)




=DAVERAGE(A4:E10,"Yield",A1:B2)
ผลผลิตโดยเฉลี่ยของต้นแอปเปิ้ลที่มีความสูงเกินกว่า 10 ฟุต (12)




=DAVERAGE(A4:E10,3,A4:E10)
อายุโดยเฉลี่ยของต้นไม้ทั้งหมดในฐานข้อมูล (13)




=DSTDEV(A4:E10,"Yield",A1:A3)
ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานโดยประมาณสำหรับผลผลิตของต้นแอปเปิ้ลและต้นแพร์ หากข้อมูลในฐานข้อมูลนี้เป็นเพียงตัวอย่างของต้นไม้ทั้งหมดในสวน (2.97)




=DSTDEVP(A4:E10,"Yield",A1:A3)
ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานตามจริงสำหรับผลผลิตของต้นแอปเปิ้ลและต้นแพร์ หากข้อมูลในฐานข้อมูลนี้เป็นข้อมูลของต้นไม้ทั้งหมดในสวน (2.65)




=DVAR(A4:E10,"Yield",A1:A3)
ค่าแปรปรวนโดยประมาณสำหรับผลผลิตของต้นแอปเปิ้ลและต้นแพร์ หากข้อมูลในฐานข้อมูลนี้เป็นเพียงตัวอย่างของต้นไม้ทั้งหมดในสวน (8.8)




=DVARP(A4:E10,"Yield",A1:A3)
ค่าแปรปรวนตามจริงสำหรับผลผลิตของต้นแอปเปิ้ลและต้นแพร์ หากข้อมูลในฐานข้อมูลนี้เป็นข้อมูลของต้นไม้ทั้งหมดในสวน (7.04)




=DGET(A4:E10,"Yield",A1:A3)
แสดงค่าที่เป็นข้อผิดพลาด #NUM! เนื่องจากพบข้อมูลที่ตรงตามเงื่อนไขมากกว่าหนึ่งระเบียน







COUNTIF(range,criteria)

range     คือช่วงของเซลล์ที่คุณต้องการนับจำนวนเซลล์
criteria     คือเงื่อนไขซึ่งอยู่ในรูปแบบตัวเลข นิพจน์ การอ้างอิงเซลล์ หรือข้อความ ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดว่าเซลล์ใดจะถูกนับ ตัวอย่างเช่น เงื่อนไขอาจจะแสดงเป็น 32, "32", ">32", "apples" หรือ B4
หมายเหตุ
Microsoft Excel มีฟังก์ชันเพิ่มเติมที่สามารถนำมาใช้วิเคราะห์ข้อมูลของคุณตามเงื่อนไขใดเงื่อนไขหนึ่งเมื่อต้องการคำนวณผลรวมโดยมีเงื่อนไขเป็นสายอักขระข้อความหรือตัวเลขที่อยู่ภายในช่วง ให้ใช้ฟังก์ชันแผ่นงาน SUMIFเมื่อต้องการให้สูตรส่งกลับค่าใดค่าหนึ่งในสองค่าที่ตรงตามเงื่อนไข เช่น โบนัสในการขายซึ่งขึ้นกับยอดขายที่ระบุ ก็ให้ใช้ฟังก์ชันแผ่นงาน IFเมื่อต้องการนับจำนวนเซลล์ที่ว่างหรือเซลล์ที่ไม่ว่าง ให้ใช้ฟังก์ชัน COUNTA และ COUNTBLANK
ตัวอย่างที่ 1 สูตรโดยทั่วไปสำหรับ COUNTIF
ตัวอย่างอาจเข้าใจได้ง่ายยิ่งขึ้น ถ้าคัดลอกไปใส่ไว้ในแผ่นงานเปล่า


1
2
3
4
5
A
B
ข้อมูล
ข้อมูล
แอปเปิ้ล
32
ส้ม
54
พีช
75
แอปเปิ้ล
86
สูตร
คำอธิบาย (ผลลัพธ์)
=COUNTIF(A2:A5,"apples")
จำนวนเซลล์ที่มีข้อความ "แอปเปิ้ล" จากในคอลัมน์แรกข้างบน (2)
=COUNTIF(A2:A5,A4)
จำนวนเซลล์ที่มีข้อความ "พีช" จากในคอลัมน์แรกข้างบน (2)
=COUNTIF(A2:A5,A3)+COUNTIF(A2:A5,A2)
จำนวนเซลล์ที่มีข้อความ "ส้ม" และ "แอปเปิ้ล" จากในคอลัมน์แรกข้างบน (3)
=COUNTIF(B2:B5,">55")
จำนวนเซลล์ที่มีค่าตัวเลขมากกว่า 55 จากในคอลัมน์ที่สองข้างบน (2)
=COUNTIF(B2:B5,"<>"&B4)
จำนวนเซลล์ที่มีค่าตัวเลขไม่เท่ากับ 75 จากในคอลัมน์ที่สองข้างบน (2)
=COUNTIF(B2:B5,">=32")-COUNTIF(B2:B5,">85")
จำนวนเซลล์ที่มีค่าตัวเลขมากกว่าหรือเท่ากับ 32 และน้อยกว่าหรือเท่ากับ 85 จากในคอลัมน์ที่สองข้างบน (3)

ตัวอย่างที่ 2 สูตร COUNTIF ที่ใช้สัญลักษณ์ตัวแทนและพิจารณาค่าที่ว่างเปล่า
ตัวอย่างอาจเข้าใจได้ง่ายยิ่งขึ้น ถ้าคัดลอกไปใส่ไว้ในแผ่นงานเปล่า


1
2
3
4
5
6
7
A
B
ข้อมูล
ข้อมูล
apples
Yes


oranges
NO
peaches
No


apples
YeS
สูตร
คำอธิบาย (ผลลัพธ์)
=COUNTIF(A2:A7,"*es")
จำนวนเซลล์ที่มีข้อความที่ลงท้ายด้วยตัวอักษร "les" ในคอลัมน์แรกข้างบน (4)
=COUNTIF(A2:A7,"?????es")
จำนวนเซลล์ที่มีข้อความลงท้ายด้วยตัวอักษร "les" และมีตัวอักษรทั้งหมด 8 ตัวในคอลัมน์แรกข้างบน (2)
=COUNTIF(A2:A7,"*")
จำนวนเซลล์ที่มีข้อความอยู่ในคอลัมน์แรกข้างบน (4)
=COUNTIF(A2:A7,"<>"&"*")
จำนวนเซลล์ที่ไม่มีข้อความอยู่ในคอลัมน์แรกข้างบน (2)
=COUNTIF(B2:B7,"No") / ROWS(B2:B7)
ค่าเฉลี่ยของการลงคะแนนเสียงที่ค่าเป็น No รวมถึงเซลล์ว่างในคอลัมน์ที่สอง และจัดให้อยู่ในรูปแบบเปอร์เซ็นต์ที่ไม่มีเลขทศนิยม (33%)
=COUNTIF(B2:B7,"Yes") / (ROWS(B2:B7) -COUNTIF(B2:B7, "<>"&"*"))
ค่าเฉลี่ยของการลงคะแนนเสียงที่มีค่าเป็น Yes โดยไม่รวมเซลล์ว่างในคอลัมน์ที่สองข้างบน และจัดให้อยู่ในรูปแบบเปอร์เซ็นต์ที่ไม่มีเลขทศนิยม (50%)

 หมายเหตุ    เมื่อต้องการดูตัวเลขในรูปแบบเปอร์เซ็นต์ ให้เลือกเซลล์ แล้วคลิก เซลล์ บนเมนู รูปแบบ แล้วคลิกแท็บ ตัวเลข จากนั้นคลิก เปอร์เซ็นต์ ในกล่อง ประเภท



IF(logical_test,value_if_true,value_if_false)

logical_test      คือค่าหรือนิพจน์ใดๆ ที่สามารถถูกประเมินเป็น TRUE หรือ FALSE ได้ ยกตัวอย่าง A10=100 คือ logical expression เช่น ถ้าค่าในเซลล์ A10 เป็น 100 แล้ว logical_test เป็น TRUE มิฉะนั้น logical_test จะเป็น FALSE อาร์กิวเมนต์นี้สามารถใช้ ตัวดำเนินการคำนวณเปรียบเทียบ ใด
value_if_true      คือค่าที่ถูกส่งกลับ ถ้า logical_test เป็น TRUE ยกตัวอย่างเช่น ถ้าอาร์กิวเมนต์นี้คือสายอักขระ "Within budget" และ logical_test อาร์กิวเมนต์หาค่าเป็น TRUE ดังนั้นฟังก์ชัน IF แสดงข้อความ "Within budget" ถ้า logical_test เป็น TRUE และ value_if_true ไม่ใส่ค่าอะไรไว้ อาร์กิวเมนต์นี้จะกลับเป็น 0 (ศูนย์) การแสดงคำว่า TRUE ให้ใช้ค่าตรรกะ TRUE สำหรับอาร์กิวเมนต์นี้ value_if_true สามารถเป็นสูตรอื่นได้
value_if_false       เป็นค่าที่ถูกส่งกลับถ้า logical_test เป็น FALSE ตัวอย่างเช่น ถ้าอาร์กิวเมนต์เป็นสายอักขระข้อความ "Over budget" และ logical_test อาร์กิวเมนต์หาค่าเป็น FALSE ดังนั้นฟังก์ชัน IF แสดงข้อความ "Over budget" ถ้า logical_test เป็น FALSE และ value_if_false ถูกละไว้ (นั่นคือไม่มีการคั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาคหลังจาก value_if_true) ดังนั้นนำค่าตรรกะ FALSE กลับมาถ้า logical_test เป็น FALSE และ value_if_false ไม่ใส่ค่าอะไรไว้ (นั่นคือหลังจาก value_if_true มีการคั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาคตามด้วยวงเล็บปิด) ดังนั้นค่าจะกลับเป็น 0 (ศูนย์) value_if_false สามารถเป็นสูตรอื่นได้
หมายเหตุ
·       อาร์กิวเมนต์ของ value_if_true และ value_if_false บรรจุฟังก์ชัน IF ซ้อนกันได้สูงสุด 7 ชั้นเพื่อทำให้การทดสอบมีความละเอียดยิ่งขึ้น ให้ดูฟังก์ชันชั้นสุดท้ายในตัวอย่างต่อไปนี้เมื่อมีการหาค่าอาร์กิวเมนต์ value_if_true และ value_if_false ฟังก์ชัน IF จะส่งกลับค่ามาโดยคำสั่งเหล่านั้นถ้าอาร์กิวเมนต์ตัวใดตัวหนึ่งในฟังก์ชัน IF เป็น อาร์เรย์ ทุกองค์ประกอบของอาร์เรย์จะถูกหาค่าเมื่อมีการประมวลผลคำสั่ง IFMicrosoft Excel มีฟังก์ชันเพิ่มเติมสำหรับใช้วิเคราะห์ข้อมูลตามเงื่อนไข ตัวอย่างเช่น เมื่อต้องการนับจำนวนสายอักขระข้อความหรือตัวเลขที่มีอยู่ภายในช่วงเซลล์ ให้ใช้ฟังก์ชันแผ่นงาน COUNTIF เมื่อต้องการคำนวณค่า เมื่อต้องการคำนวณผลรวมของสายอักขระข้อความหรือตัวเลขที่อยู่ภายในช่วงเซลล์ ให้ใช้ฟังก์ชันแผ่นงาน SUMIF ในการคำนวณค่า โดยเรียนรู้ เกี่ยวกับการคำนวณค่าตามเงื่อนไข
ตัวอย่าง 1
หากคัดลอกตัวอย่างไปใส่ไว้ในกระดาษคำนวณว่างเปล่าจะทำให้อ่านตัวอย่างได้เข้าใจยิ่งขึ้น


1
2
A
ข้อมูล
50
สูตร
คำอธิบาย (ผลลัพธ์)
=IF(A2<=100,"Within budget","Over budget")
ถ้าตัวเลขข้างบนมีค่าน้อยกว่าหรือเท่ากับ 100 แล้วสูตรจะแสดงข้อความ "Within budget" มิฉะนั้นจะแสดงข้อความ "Over budget" (Within budget)
=IF(A2=100,SUM(B5:B15),"")
ถ้าตัวเลขข้างบนมีค่าเท่ากับ 100 แล้วฟังก์ชันจะคำนวณช่วงเซลล์ B5:B15 มิฉะนั้นจะส่งกลับค่าข้อความว่างเปล่า ("") ซึ่งในสูตรนี้จะแสดงผลลัพธ์เป็น ()

ตัวอย่าง 2
หากคัดลอกตัวอย่างไปใส่ไว้ในกระดาษคำนวณว่างเปล่าจะทำให้อ่านตัวอย่างได้เข้าใจยิ่งขึ้น


1
2
3
4
A
B
ค่าใช้จ่ายที่แท้จริง
ค่าใช้จ่ายที่คาดการณ์
1500
900
500
900
500
925
สูตร
คำอธิบาย (ผลลัพธ์)
=IF(A2>B2,"Over Budget","OK")
ตรวจสอบว่าค่าใช้จ่ายในแถวแรกสูงเกินกว่างบประมาณหรือไม่ (Over Budget)
=IF(A3>B3,"Over Budget","OK")
ตรวจสอบว่าค่าใช้จ่ายในแถวที่สองสูงเกินกว่างบประมาณหรือไม่ (OK)

ตัวอย่างที่ 3
หากคัดลอกตัวอย่างไปใส่ไว้ในกระดาษคำนวณว่างเปล่าจะทำให้อ่านตัวอย่างได้เข้าใจยิ่งขึ้น


1
2
3
4
A
คะแนน
45
90
78
สูตร
คำอธิบาย (ผลลัพธ์)
=IF(A2>89,"A",IF(A2>79,"B", IF(A2>69,"C",IF(A2>59,"D","F"))))
กำหนดเกรดเป็นตัวอักษรให้กับคะแนนแรก (F)
=IF(A3>89,"A",IF(A3>79,"B", IF(A3>69,"C",IF(A3>59,"D","F"))))
กำหนดเกรดเป็นตัวอักษรให้กับคะแนนที่สอง (A)
=IF(A4>89,"A",IF(A4>79,"B", IF(A4>69,"C",IF(A4>59,"D","F"))))
กำหนดเกรดเป็นตัวอักษรให้กับคะแนนที่สาม (C)

ในตัวอย่างก่อนหน้านี้ ประโยคคำสั่ง IF ประโยคที่สองยังเป็นอาร์กิวเมนต์ value_if_false ของประโยคคำสั่ง IF ประโยคแรก ในทำนองเดียวกัน ประโยคคำสั่ง IF ประโยคตัวที่สามเป็นอาร์กิวเมนต์ value_if_false ของประโยคคำสั่ง IF ประโยคที่สอง เช่น ถ้า logical_test ตัวแรก (Average>89) เป็น TRUEจะส่งกลับค่า "A" ถ้า logical_test ตัวแรกเป็น FALSE จะคำนวณประโยคคำสั่ง IF ประโยคที่สอง และอื่นๆ
เกรดแบบตัวอักษรที่กำหนดให้กับค่าตัวเลขคะแนนต่างๆ พิจารณาจากระดับเงื่อนไขต่อไปนี้

ถ้าคะแนนเท่ากับ
แล้วส่งกลับค่า
มากกว่า 89
A
80 ถึง 89
B
70 ถึง 79
C
60 ถึง 69
D
น้อยกว่า 60
F




SUMIF(range,criteria,sum_range)

range    คือช่วงของเซลล์ที่คุณต้องการประเมิน
criteria    คือเงื่อนไขหรือเกณฑ์ซึ่งอยู่ในรูปแบบตัวเลข นิพจน์ หรือข้อความ ซึ่งจะถูกใช้เป็นตัวบ่งบอกว่าเซลล์ใดจะถูกรวมเข้า ตัวอย่างเช่น criteria อาจแสดงเป็น 32, "32", ">32", "apples"
Sum_range    คือเซลล์จริงที่จะหาผลรวม
หมายเหตุ
·         เซลล์ต่างๆ ใน sum_range จะหาผลรวมออกมาถ้าเซลล์ที่สอดคล้องในช่วงนั้นเป็นไปตามเงื่อนไขถ้า sum_range ถูกละไว้ เซลล์ในช่วงนั้นก็จะถูกหาผลรวมออกมาMicrosoft Excel มีฟังก์ชันเพิ่มเติมที่สามารถใช้วิเคราะห์ข้อมูลที่เป็นไปตามเงื่อนไข ตัวอย่างเช่น เมื่อต้องการนับจำนวนที่ซ้ำกันของสายข้อความหรือตัวเลขภายในช่วงเซลล์ ให้ใช้ฟังก์ชัน COUNTIF ถ้าต้องการให้สูตรส่งกลับค่าหนึ่งในสองค่าขึ้นอยู่กับเงื่อนไข เช่น โบนัสการขายที่ขึ้นอยู่กับยอดขายจะใช้ฟังก์ชัน IF
ตัวอย่าง
หากคัดลอกตัวอย่างไปใส่ไว้ในกระดาษคำนวณว่างเปล่าจะทำให้อ่านตัวอย่างได้เข้าใจยิ่งขึ้น


1
2
3
4
5
A
B
มูลค่าทรัพย์
ค่านายหน้า
100,000
7,000
200,000
14,000
300,000
21,000
400,000
28,000
สูตร
คำอธิบาย (ผลลัพธ์)
=SUMIF(A2:A5,">160000",B2:B5)
หาผลรวมของค่านายหน้าสำหรับมูลค่าทรัพย์ที่สูงกว่า 160000 (63,000)



MAX(number1,number2,...)

number1, number2, ...    คือตัวเลข 1 ถึง 30 ตัวเลขที่ต้องการค้นหาค่ามากสุด
หมายเหตุ
·       คุณสามารถระบุอาร์กิวเมนต์ที่เป็นตัวเลข เซลล์ว่างเปล่า ค่าตรรกะ หรือข้อความที่ใช้แทนตัวเลขได้ ซึ่งอาร์กิวเมนต์ที่มีค่าข้อผิดพลาดหรือข้อความที่ไม่สามารถแสดงในรูปแบบตัวเลขได้จะทำให้เกิดข้อผิดพลาดขึ้นถ้าอาร์กิวเมนต์เป็นอาร์เรย์หรือการอ้างอิง จะใช้เพียงตัวเลขในอาร์เรย์หรือการอ้างอิงเท่านั้น จะละเว้นเซลล์ว่าง ค่าตรรกะ หรือข้อความในอาร์เรย์ ถ้าค่าตรรกะ และข้อความไม่มีการละเว้น ให้ใช้ฟังก์ชัน MAXA แทนถ้าไม่มีอาร์กิวเมนต์ตัวใดเป็นตัวเลข ฟังก์ชัน MAX จะส่งกลับค่า 0 (ศูนย์)
ตัวอย่าง
หากคัดลอกตัวอย่างไปใส่ไว้ในกระดาษคำนวณว่างเปล่าจะทำให้อ่านตัวอย่างได้เข้าใจยิ่งขึ้น

1
2
3
4
5
6
A
ข้อมูล
10
7
9
27
2
สูตร
คำอธิบาย (ผลลัพธ์)
=MAX(A2:A6)
ค่ามากสุดของตัวเลขต่างๆ ข้างบน (27)
=MAX(A2:A6, 30)
ค่ามากสุดของตัวเลขต่างๆ ข้างบนเปรียบเทียบกับ 30 (30)



MIN(number1,number2,...)

number1, number2, ...    คือตัวเลข 1 ถึง 30 ตัวเลขที่ต้องการค้นหาค่าน้อยสุด
หมายเหตุ
·       คุณสามารถระบุอาร์กิวเมนต์ที่เป็นตัวเลข เซลล์ว่างเปล่า ค่าตรรกะ หรือข้อความที่ใช้แทนตัวเลขได้ ซึ่งอาร์กิวเมนต์ที่มีค่าข้อผิดพลาดหรือข้อความที่ไม่สามารถแสดงในรูปแบบตัวเลขได้จะทำให้เกิดข้อผิดพลาดขึ้นถ้าอาร์กิวเมนต์เป็นอาร์เรย์หรือการอ้างอิง ตัวเลขในอาร์เรย์หรือการอ้างอิงเท่านั้นที่ถูกนำมาใช้ เซลล์ว่าง ค่าตรรกะ หรือข้อความในอาร์เรย์หรือการอ้างอิงจะถูกละเว้น ถ้าค่าตรรกะ และข้อความในอาร์เรย์หรือการอ้างอิงไม่ควรถูกละเว้น ให้ใช้ฟังก์ชัน MINA แทนถ้าไม่มีตัวเลขอยู่ในอาร์กิวเมนต์ ฟังก์ชัน MIN จะส่งกลับค่า 0
ตัวอย่าง
     หากคัดลอกตัวอย่างไปใส่ไว้ในกระดาษคำนวณว่างเปล่าจะทำให้อ่านตัวอย่างได้เข้าใจยิ่งขึ้น

1
2
3
4
5
6
A
ข้อมูล
10
7
9
27
2
สูตร
คำอธิบาย (ผลลัพธ์)
=MIN(A2:A6)
ค่าน้อยสุดของตัวเลขต่างๆ ข้างบน (2)
=MIN(A2:A6,0)
ค่าน้อยสุดของตัวเลขต่างๆ ข้างบนเปรียบเทียบกับ 0 (0)




BAHTTEXT(จำนวน)

จำนวน     คือตัวเลขที่คุณต้องการแปลงเป็นข้อความ หรือจะเป็นการอ้างอิงไปยังเซลล์ที่มีตัวเลขอยู่ หรือเป็นสูตรที่ประเมินค่าตัวเลขก็ได้
ตัวอย่าง                       
หากคัดลอกตัวอย่างไปใส่ไว้ในกระดาษคำนวณว่างเปล่าจะทำให้อ่านตัวอย่างได้เข้าใจยิ่งขึ้น

1
2
A
ข้อมูล
1234
สูตร
คำอธิบาย (ผลลัพธ์)
=BAHTTEXT(A2)
แสดงจำนวนเงินในรูปข้อความ (หนึ่งพันสองร้อยสามสิบสี่บาทในรูปข้อความ)


 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น